วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

9 เทคนิค ฝึกสมองไบรท์

ผู้หญิงสมัยนี้ อยากสวย ฉลาด และสุขภาพดี ทุกคนจึงพากันดูแลรูปร่าง ด้วยการออกกำลังกาย เคร่งครัดเรื่องอาหารการกิน แต่ไม่เคยมีใครสนใจว่าจะดูแลสมองอย่างไรให้มีสุขภาพดี ทั้งที่สมองเป็นอวัยวะที่ตัดสนใจทุกเรื่องของชีวิต เราจึงควรเอกเซอร์ไซส์สมองให้ไบรท์ด้วยเทคนิคได้ง่ายๆต่อไปนี้

1จิบน้ำบ่อยๆ:สมองประกอบด้วยน้ำ85% เซลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการนำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหียว ถ้าไมอยากให้เซลล์สมองเหียวซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออกแต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อยๆ

2กินไขมันดี:คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนสื่งที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เซลล์ชุ่ม ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น

3นั่งสมาธิวันละ12นาที:หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ12นาที เพื่อสมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุดๆ ทำให้สมองมี Mental lmagery สามารถจิตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน

4ใส่ความตั้งใจ:การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่จริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน

5หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ:ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ

6เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน:สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆเมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

7ให้อภัยตัวเองทุกวัน:ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง

8เขียนบันทึก Graceful Journal:ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวัน ลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดีๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์

9ฝึกหายใจลึกๆ:สมองใช้ออกซิเจน 20-20% ของออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกายการฝึกหายใจเข้าลึกๆจึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกซวิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น การฝึกหายใจเข้าลึกๆ อาจหาเวลายืนหรือยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก20%

การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม

7 วิธีฉลองวาเลนไทน์แบบสาวโสด


ถ้าไม่อยากเห็นบรรยากาศดอกกุหลาบบานสะพรั่งทั้งแดงทั้งชมพู ทนบาดตาบาดใจไม่ได้ ให้เดินทางท่องเที่ยวไปที่ไหนก็ได้ ยิ่งไกลยิ่งดี แต่ถ้าทำไม่ได้ต้องมานั่งจุมปุ๊กอยู่กับบ้าน ลองใช้วิธีเหล่านี้ดู เพื่อให้ชีวิตโสดรอดพ้นวันวาเลนไทน์ได้อย่างสง่างาม




1. ฉลองในหมู่เพื่อนฝูง บางคนแค่เห็นขนมหรือสิ่งละอันพันละน้อยที่ทำเป็นรูปหัวใจในวันวาเลนไทน์ก็พาลจะจับไข้ซะแล้ว ลองชวนเพื่อนร่วมงานไปกินอาหารกลางวันประเภทที่ไม่บ้าตามเทศกาลกับเขาด้วย พยายามกินให้อิ่มทั้งของคาวของหวาน อารมณ์จะได้ไม่เสียกลายเป็นโมโหหิว หรือไม่ก็จัดปาร์ตี้ที่บ้านเสียเลย เชิญเพื่อนมาเยอะๆ โดยเฉพาะเพื่อนที่เป็นสาวโสดด้วยกันยิ่งดี จะได้ฉลองกันให้ระเบิดเถิดเทิงไปเลย



2. เอาใจใส่ตัวเองให้มากหน่อย ช็อกโกแล็ตวาเลนไทน์ก็อร่อยดี แต่ทำไมไม่ลองทำอะไรดีๆให้ตัวเอง เช่น ไปนวดหน้านวดตัว ทำเล็บ หรือสวมชุดแดงสวยเริ่ดเชิ่ดใส่ เวลาเราสวยเราจะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาทำปากหวานใส่ก็ได้เนอะ



3. มอบความรักผ่านตัวอักษร ลองใช้เวลาส่งมอบความรักด้วยการส่งการ์ดถึงวงศาคณาญาติ รวมทั้งหลานเหลนตัวเล็กตัวน้อยส่งให้หมด เขาอาจจะคิดว่าเราเพี้ยน แต่เป็นความเพี้ยนที่น่ารักนะ



4. มองโลกในแง่ดี ทำใจเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ คิดซะว่านี่คือเทศกาลหนึ่งเหมือนวันแม่ วันฮัลโลวีน วันคริสต์มาสหรือวันสงกรานต์ก็ได้ ถ้าคุณมีชีวิตรอดผ่านวันครบรอบความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาคนนั้น ซึ่งเป็นอดีตไปแล้ว แค่วันวาเลนไทน์ทำไมจะผ่านมันไปไม่ได้…ใช่ไหมคะ



5. กระจายความรัก ลองมอบความรักให้กับคนที่ด้อยโอกาส หรือคนที่ไม่มีใครเหลียวแล ถ้าปีนี้เราต้องอยู่คนเดียวแบบโฮมอะโลน ลองเอาขนมนมเนยไปมอบตามบ้านเด็กกำพร้าหรือบ้านพักคนชรา นอกจากจะทำให้จิตใจอ่อนโยนมีเมตตาแล้ว ยังได้เพื่อนใหม่ ใครจะไปรู้ เราอาจถูกคุณปู่วัย 90 ขอแต่งงานก็ได้ หรืออย่างน้อยที่สุดเราก็ได้รับรอยยิ้มจริงใจจากคนวัยคราวพ่อคราวแม่ซึ่งเอ็นดูเราอย่างที่สุด ได้บุญแล้วยังอิ่มอกอิ่มใจอีกด้วย



6. พักสักวันเถอะ ลางานมันเสียเลย ไม่ไปทำงานแค่วันเดียวมันจะเป็นไรไป ออกไปเช่าวีดิโอหนังเจ๋งๆสัก 2-3 เรื่อง เชิญเพื่อนฝูงมาเฮฮาปาร์ตี้เป็นคืนเฉพาะสาวๆเท่านั้น ถ้าปรากฎว่าเพื่อนทั้งฝูงล้วนแล้วแต่เป็นสาวโสดไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม ก็เฮฮาให้มันส์ระเบิด ขอให้คืนนี้เป็นคืนของค้างคาวสาวอาละวาดเท่านั้น แต่ถ้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันทำงานก็เพลาๆหน่อยนะคะ ไม่งั้นอาจเป็นโสดทั้งเรื่องผู้ชายและเรื่องงานก็ได้



7. อึดอัดนักก็ระบายออกเสียเลย จงปาวารณาตัวเป็นนักต่อต้านวาเลนไทน์ตัวยง สาธยายถึงความอยุติธรรมของเทศกาลนี้ เจอใครก็พยายามชี้แนะให้เขาเห็นถึงความไม่เข้าท่าและไม่เอาไหนของวาเลนไทน์ และบอกเล่าถึงข้อดีของการอยู่เป็นโสดรับผิดชอบตัวเอง เมื่อหักเหความคิดกลายเป็นอีกด้านไปเสียได้ เราจะรู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่และมีความสำคัญขึ้นมาเชียวละ แทนที่จะมานั่งเศร้าหดหู่อยู่คนเดียว


วิธีง่ายๆเติมเต็มรัก



การใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อย คือหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นชีวิตรักให้สดชื่นอยู่เสมอ หลายคนคงยังจำได้ถึงคำบอกรักคำแรกที่ทั้งหลอมละลายและเติมความชุ่มฉ่ำหัวใจในเวลาเดียวกัน หากเมื่อเวลาผ่านไปก็ใช่ว่าจะมีกฎห้ามไม่ให้บอกรักกันทุกวันเสียหน่อย ใกล้เทศกาลแห่งความสุขแล้วลองมาดู 21 วิธีส่งจดหมายรักน่ารักๆ ที่จะช่วยกระตุ้นจังหวะหัวใจคนรักให้เต้นแรงหรือเอาไปดัดแปลงเป็นจดหมายง้องอน อวยพร วันเกิด วันครบรอบ ก็ทำได้ตามสะดวก
กระดาษพิเศษ จดหมายรักไม่จำเป็นต้องเขียนบนกระดาษเสมอไป ลองไอเดียใหม่ๆ เหล่านี้



1.กระดาษแอนทีค เอากระดาษจดหมายหรือกระดาษวาดเขียนแช่น้ำชา ใช้ถุงชาแต้มให้เป็นรอยด่างแบบเก่าๆ ทิ้งให้แห้ง อาจเผาริมกระดาษเพื่อเพิ่มอารมณ์คลาสสิก



2. กระดาษหอม ด้วยน้ำหอมหรือโคโลญจน์กลิ่นประจำตัว หรือกลิ่นที่เขาโปรดปราน



3. โพสต์-อิต เลือกสีแจ่มสะดุดตา เขียนข้อความน่ารักๆ แปะไว้ตามจุดต่างๆ ของบ้าน



4. กระดาษทิชชู เขียนคำหวานไว้ที่มุมกระดาษแล้วพับเก็บคืนกล่องตามเดิม รอดูปฏิกิริยาตอนเขาหยิบออกมา



5. กระจกมาร์กเกอร์แบบลบออกได้ เหมาะสำหรับเขียนข้อความหวานๆ บนพื้นแก้วสารพัดชนิดมัลติมีเดีย เทคโนโลยีใกล้ตัวหยิบมาทำให้โรแมนติกได้เหมือนกัน



6. SMS อาจส่งคำว่า 'ฉันรักคุณ' ในภาษาต่างๆ สัก 10 ภาษา ก่อนตบท้ายว่า 'ไม่ว่าจะพูดอย่างไรฉันก็รักคุณ'



7. Power Point ทำสไลด์โชว์ด้วยภาพถ่ายช่วงเวลาที่น่าจดจำ ใส่เพลงประกอบที่เป็นเพลงของเราแล้วตบท้ายด้วยถ้อยคำดีๆ



8.ไฟล์เสียง อ่านจดหมายรักหรือคำพูดที่คุณอยากจะบอกประกอบเพลงภาพหรือเพลงเพราะๆ ไรท์ใส่แผ่นซีดี แล้วทำทีว่าเป็นซีดีเพลงใหม่น่าฟัง



9.อีเมล ก่อนจะส่งอย่าลืมพิมพ์ออกมาเก็บไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในโอกาสต่อไป



10. คอมพิวเตอร์ เซต Screen Saver หรือ Desktop เป็นภาพหรือข้อความที่อยากจะบอกเขาใจจะขาด ใส่ใจแพ็คเกจ ของธรรมดา ถ้ามาในแพ็คเกจสร้างสรรค์ก็ดูพิเศษได้



11. กล่องใส่ความทรงจำ เลือกกล่องเก๋ไว้เก็บจดหมาย โน้ต หรือ ของที่ระลึกของช่วงเวลาที่น่าจดจำ



12. อัลบั้ม เก็บรูปช่วงเวลาประทับใจ ของที่ระลึก เช่น ตั๋วหนังในเดทแรก เขียนอธิบายความรู้สึกของช่วงเวลาต่างๆ



13. จดหมายในขวดแก้ว ม้วนจดหมายรักใส่ขวด ปิดจุกไม้คอร์ก อาจจะประดับด้วยลูกกวาดรูปทรงน่ารัก เปลือกหอย หรือ ทรายสีสวย



14. ขวดโหล เขียนทุกสิ่งที่คุณรักในตัวเขาลงกระดาษโน้ตแผ่นละข้อ สัก 60 แผ่น ใส่ลงในขวดโหล เติมช่องว่างในขวดด้วยริบบิ้นหรือลูกปัดหลากสี



15. ลูกโป่ง สามารถใส่ม้วนกระดาษจดหมาย หรือของที่ระลึกเล็กๆ ไว้ข้างในก่อนเป่า เซอร์ไพรส์ ได้ผลตลอดกาล เพราะไม่ว่าใครก็ชอบเรื่องเซอร์ไพรส์ หวานๆ กันทั้งนั้น ทำเซอร์ไพรส์ เขาง่ายๆ ด้วย...



16. แอบไว้ในมื้ออาหาร มื้อเช้าเป็นเวลาดี ที่จะแอบหยอดสารรักไม่ว่าจะเป็น ในกล่องซีเรียล เหน็บไว้บนจานรองถ้วยกาแฟ หรือแปะไว้บนขวดน้ำส้ม



17. หมอนหนุน วันไหนต้องรีบไปทำงานแต่เช้า อย่าลืมฝากโน้ตบอกรักสั้นๆ ไว้บนหมอน



18. ในอ่างอาบน้ำ ซ่อนจดหมายรักไว้ในชุดโฮมสปาที่เขาใช้เป็นประจำ หรือเขียนไว้บนตุ๊กตาเป็ด หรือเรือยางลอยในอ่างอาบน้ำ



19. ในรถ แอบทิ้งโน้ตไว้บนเบาะ หรือเขียนไว้บนกระจกด้วยมาร์กเกอร์แบบลบออกได้ ถ้าในโอกาสพิเศษ


มาก แนะนำให้ลองเอาลูกโป่งสีสวยผูกโน้ตหวานๆ ใส่ไว้ให้เต็มคันรถ



20. ติดไว้ทั่วบ้าน บนตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า รองเท้า โต๊ะทำงาน ตรงไหนก็ได้ที่มั่นใจว่าเขาจะเห็น



21. เขียนด้วยปากกาหรือชอล์กสะท้อนแสง บนกระจก หรือเพดานห้อง ให้ประโยคหวานๆ ลอยเด่นออกมาจากความมืดก่อนเขาเข้านอน





ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ขอเพียงเป็นประโยค ที่ออกมาจากใจ คนรับต้องรับรู้ความรู้สึกของคุณได้แน่ค่ะ
--------------------------------------------- ว่าแต่ เดี๋ยวนี้ยังส่งจดหมายกันอยู่รึป่าว

วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

วิธีง่ายๆ เพื่อขจัด..............ความง่วง


วันนี้ผึ้งจะบอกเรื่องง่ายๆให้เพื่อนๆลองไปทำตามกันนะคะ ซึ่งผึ้งก็กำลังเป็นอยู่ก็เลยนำมาให้เพื่อนๆได้รู้บ้างซึ่งเป็นวิธีที่จะทำให้เราหายง่วงนอนเวลาอ่านหนังสือ ซึ่งความง่วงนอนนี้มีหลายขั้น เราลองมาดูขั้นที่หนึ่งเลยนะคะ



1.ความง่วงนอนขั้นต้น


อาการ - เป็นความง่วงที่ค่อยๆ เกิดขึ้น จะทำให้สติของเราล่องลอยไปเที่ยวสักพัก ไม่กี่นาทีแล้วก็กลับมาที่เดิม อาจมีอาการอ้าปากหาวบ้างเล็กน้อย แต่จะไม่บ่อยนัก


วิธีแก้ - ควรจะลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น หรือออกแรง เช่น การบิดขี้เกียจให้ร่างกายมีความตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า พูดง่ายๆคือทำอะไรก็ได้ ที่ทำให้ร่างกาย เราสดชื่นขึ้น



2. ความง่วงขั้นกลาง


อาการ - เป็นความง่วงที่สะสมมาจากความง่วงขั้นต้น สติเริ่มหายไปเที่ยวนานขึ้น อาการหาวก็มีถี่ขึ้น อาจมีอาการสัปหงกเล็กน้อย


วิธีแก้ - ควรจะหลับตาลงพักผ่อนสักครู่ อาจจะ 10-15 นาที แล้วตื่นขึ้นมาไปล้างหน้าล้างตาเพื่อให้สดชื่น หรือไปทำอะไรสักอย่าง ไปเดินเล่นหรือฟังเพลง ดื่มนม แต่กาแฟนี่ไม่ขอแนะนำเท่าไหร่นัก เพราะอาจเกิดอาการหลับในได้ ก็ง่วงมาก แต่ตายังค้าง เสียสุขภาพกายเปล่าๆ



3. ความง่วงขั้นรุนแรง


อาการ - เป็นความง่วงที่ไม่อาจทัดทานไหวได้ สติแทบจะไม่มีแล้ว หัวอาจสัปหงกลงไปจูบกับโต๊ะได้ทุกเมื่อหรืออาจเกิดอาการฟุบหลับคาหนังสือ


วิธีแก้ - ไปนอนซะ ถึงอ่านไปก็ไม่เข้าหัวอยู่ดี เลิกทรมานตัวเองดีกว่า ถ้ายังอ่านไม่จบก็ปลงซะ มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าจะทำไง สมองก็ไม่พร้อมจะรับอะไรอีกแล้วทั้งนั้นแหละ



(* -*) เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ............รู้อย่างนี้แล้วเพื่อนๆก็ลองนำไปทำตามกันนะคะ ไม่รู้ว่าได้ผลมากน้อยแค่ไหน แต่เพื่อนๆก็อย่านอนกันเพลินนะคะใกล้สอบแล้ว อ่านหนังสือเยอะๆนะคะจะได้ทำได้

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ความประทับใจที่มีต่อม.บูรพา

ตั้งแต่ที่ได้เข้ามาเรียนม.บูรพา ฉันมีความสุขมากม.บูรพาทำให้ฉันเข้าใจชีวิตมากขึ้น ในรั้วมหาลัย มีอุปสรรคมากมายที่ต้องผ่านพ้นไปให้ได้และที่นี่ก็ได้สอนให้ทุกคนมีความเข้มแข็งต่อสู้กับชีวิต ตอนม.ปลาย ฉันตั้งความหวังไว้ว่าต้องเข้าม.บูพาให้ได้และฉันก็ทำได้จริงๆนั่นทำให้ฉันรู้สึกภูมิใจมาก เพราะม.บูร เป็นมหาลัยที่มีชื่อเสียง ใครๆก็ให้ความสนใจกับมหาลัยนี้ ฉันดีใจจริงๆที่ได้เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยบูรพา